
วันนี้ (7 เม.ย. 65) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานกรณีจับกุมหมอเสริมความงามเถื่อน
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมาก ให้ทำการตรวจสอบแพทย์ที่ทำการรักษาสถานพยาบาลเสริมความงามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ จากการตรวจสอบเฟสบุคดังกล่าวพบว่ามีการโฆษณาระบุแพทย์ที่ทำการรักษา ชื่อนายแพทย์ ธนากร (ขอสงวนนามสกุลจริง) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบข้อมูล กับแพทย์สภา ไม่พบว่า นาย ธนากรฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 592/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ในข้อหา
ทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้คำว่า แพทย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง หรือนายแพทย์หญิง หรือใช้อักษรย่อของคำดังกล่าวหรือใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทย์ศาสตร์ หรือใช้อักษรย่อของวุฒิดังกล่าว ประกอบกับชื่อนามสกุลของตน หรือใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 13.10 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญา ที่ 236/2565 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2565 เข้าตรวจค้นสถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม ย่านแขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ขณะเข้าตรวจสอบ พบ นาย ธนากรฯ กำลังให้การรักษาประชาชนผู้มารับบริการอยู่ ใน สถานพยาบาลดังกล่าว
จากการตรวจสอบใบประวัติผู้เข้ารับการรักษาพยาบาล พบว่ามีการรักษาเสริมความงามให้กับดารานักแสดงจำนวน 8 คน สอบถาม นาย ธนากรฯ รับว่าตนเองไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุม นาย ธนากรฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบสวน นาย ธนากรฯ รับว่าตนเองไม่ได้จบแพทย์แต่อย่างใด โดยวุฒิการศึกษา ที่ตนเองอ้างว่าจบมาจากต่างประเทศ เป็นวุฒิที่ไม่เป็นความจริง
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ