
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังจับกุม นายวศิน (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149”
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2547 นายวศินฯ ผู้ต้องหา มีตำแหน่งนิติกร กรมโยธาธิการ และผังเมือง มีหน้าที่ในการจัดทำความเห็นทางกฎหมาย โดยทางกรมโยธาฯ ได้ทำสัญญาระบุให้มีการจัดหาเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 9 เครื่อง สำหรับติดตั้งที่สถานีสูบน้ำฝน กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาทางบริษัทเอกชน ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 6 เครื่อง ให้กับกรมโยธาฯ เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงเหลืออีก 3 เครื่องที่ยังไม่ได้รับการติดตั้ง แต่ด้วยบริษัทเอกชน มีผลงานการก่อสร้างล่าช้า และไม่มีขีดความสามารถในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเวลา กรมโยธาฯ จึงได้บอกเลิกสัญญาดังกล่าว
เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาเห็นโอกาสในการเรียกรับผลประโยชน์ จึงติดต่อไปยังกรรมการผู้จัดการของบริษัทเอกชน ว่าตนเป็นนิติกร กรมโยธาฯ มีหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการขอรับคืน โดยการจะทำความเห็นทางกฎหมายเพื่อให้กรมโยธาฯ รับซื้อเครื่องสูบน้ำทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะต้องให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 30 เปอร์เซ็นของราคาเครื่องสูบน้ำที่กรมโยธาฯ จัดซื้อจากการแนะนำทางกฎหมายของตน ซึ่งเป็นเงิน 600,000 บาท ต่อมาบริษัทเอกชนจึงได้เข้าร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวน จนสามารถออกหมายจับได้
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2565 ตำรวจชุดจับกุมทำการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน ย่านโชคชัย 4 กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบเป็นแน่ชัดแล้วว่าบุคคลตามหมายจับมากบดานอยู่บ้านของบิดา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวมรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
ต่อมา วันที่ 12 เม.ย. 2565 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบ ผู้ต้องหาตามหมายจับหลบซ่อนอยู่ โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และรับว่าไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แม้จะผ่านมา 18 ปีมาแล้วก็ตาม