
วันนี้ (18 ก.พ. 2565) เมื่อเวลา 06.00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กลุ่มงานปราบปรามคดีพิเศษ ศูนย์ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 5 จุด (พื้นที่ กทม., จ.นครนายก และ จ.นนทบุรี) เพื่อค้นหา ยึด/อายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและฟอกเงิน รวมถึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัด ของสำนักงานพระพุทธศาสนา เมื่อปี 2554-2559

โดยจากการสอบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติกับฝ่ายพระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดต่างๆในพื้นที่ จ.นครนายก ได้มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนดังกล่าว จนทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณมากกว่า 110 ล้านบาท ภายหลังได้มีการดำเนินคดีอาญาทุจริตกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแล้วบางส่วน จนศาลพิพากษาลงโทษถึงจำคุก ส่วนที่เหลือมีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกประเทศ จึงได้มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่หลบหนีไว้เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว
สืบเนื่องจากที่ บก.ปปป. ได้รับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พระสิทธิวรนายก (ประเชิญ เมืองเกษม) หรือเจ้าคุณแจ๊ค เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน (ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก) ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก กับพวกที่เกี่ยวข้อง โดยเหตุเกิดในห้วงปี 2554-2559 นายนพรัตน์ฯ (สงวนนามสกุล) อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก ได้ร่วมกับ พระสิทธิวรนายก ทุจริตเงินอุดหนุน ที่ได้รับอนุมัติให้วัดต่างๆในพื้นที่ จ.นครนายก 12 วัด รวมงบประมาณ 123 ล้านบาท

โดยให้เจ้าอาวาสแต่ละวัดที่ได้รับเงินอุดหนุน ถอนเงินสดออกมาทั้งหมดแล้วนำไปให้เจ้าอาวาสวัดทุเรียน จากนั้นเจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียนจะแบ่งเงินเพียงบางส่วนทอนให้วัดต่างๆคืนไป โดยอ้างว่าจะต้องเอาเงินส่วนนี้ไปมอบให้สำนักพุทธเพื่อนำไปบริจาคให้กับวัดอื่นๆที่ยังขาดแคลนงบประมาณ รวมเงินที่เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียนรวบรวมมาได้ กว่า 110 ล้านบาท แล้วนำไปแบ่งกับ นายนพรัตน์ฯ อดีต ผอ.ฯ และบางส่วนได้นำไปซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นการกระทำที่ทุจริต ผิดระเบียบ

จากการสืบสวนขยายผลตรวจสอบเรื่องทรัพย์สินของผู้กระทำผิดในคดีนี้ พบว่าทั้ง อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา และ เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ได้มีพฤติกรรมนำเงินที่ได้จากการทุจริตบางส่วน ไปซื้อทรัพย์สินต่างๆจำนวนมาก โดยมีหลักฐานยืนยันว่า นายนพรัตน์ฯ อดีต ผอ.ฯได้ร่วมกับเจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ซื้อที่ดิน จากชาวบ้านในพื้นที่ จ.นครนายก ที่มีความสนิทกัน จำนวน 3 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 10 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 18.6 ล้านบาท โดยให้บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแทนในลักษณะอำพรางปกปิด ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดอาญาฐานฟอกเงินร่วมกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางจึงเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นและตรวจยึด สถานที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ดังนี้
จังหวัดนครนายก จำนวน 3 จุด
- วัดเขาทุเรียน ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก (แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าอาวาส)
- ที่ดิน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เนื้อที่รวม 7 ไร่ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 473831, 62428
(ยึด/อายัดที่ดิน) รวมมูลค่า 17.5 ล้านบาท - ที่ดิน ต.หนองแสง อ.ปากพลี จ.นครนายก เนื้อที่ 3 ไร่ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 4140 (ยึด/อายัดที่ดิน) รวมมูลค่า 1.1 ล้านบาท
จังหวัด กรุงเทพฯ และนนทบุรี รวมจำนวน 2 จุด
- หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่าน หมู่ 3 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (บ้านของนางพัทธานันท์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ)
- หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่าน ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน จ.กรุงเทพฯ (บ้านของ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ)
นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารจำนวน 16 เล่ม ยอดเงินรวม 1.3 ล้านบาท

พฤติกรรมความผิดข้างต้นของกลุ่มผู้ต้องหา ถือว่าเป็นการเบียดบังงบประมาณของแผ่นที่ดินที่สนับสนุนในกิจการต่างๆของพระพุทธศาสนา มีความเสียหายเป็นจำนวนมาก เปรียบเสมือนเป็นพวก “อลัชชี” หมายถึง ผู้ที่ไม่มีความละอาย หรือภิกษุที่จงใจประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ ทำผิดแล้วไม่ยอมแก้ไข นั่นจึงเป็นที่มาของปฏิบัติการตำรวจสอบสวนกลางในการ “ปราบอลัชชี” ครั้งนี้ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความยุติธรรม ปราบปรามการทุจริต และรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินเอาไว้
ซึ่งจากนี้ ทาง บก.ปปป. จะดำเนินการตรวจสอบที่มาการครอบครองของรายการทรัพย์สินต่างๆ ที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดจากปฏิบัติการครั้งนี้ หากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริตจริง ก็จะดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำการทุจริตต่อไป