
องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ World Anti-Doping Agency (WADA) ได้ออกแถลงการ ไม่ให้การรับรองไทย เกาหลีเหนือ และอินโดนีเซีย ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
สำหรับประเทศไทย โดนลงโทษเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสารกระตุ้นของ WADA ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องการให้หน่วยงานตรวจสอบสารกระตุ้นในแต่ละประเทศ ดำเนินการอย่างอิสระ แต่สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาของไทย กลับอยู่ภายใต้สังกัดการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ในส่วนของเกาหลีเหนือ และอินโดนีเซีย ได้ผิดกฎเรื่องการไม่ส่งนักกีฬาเข้ารับการตรวจหาสารกระตุ้น โดยทั้ง 3 ประเทศ มีผลทั้งระดับภูมิภาค ทวีป และระดับโลก เป็นระยะเวลา 1 ปี
แต่ยังสามารถร่วมแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติปกติได้ เพียงรายการแข่งขันที่ WADA เป็นผู้ดูแล นักกีฬาจะไม่มีสิทธิ์ “ใช้ธงชาติตัวเอง” แต่ต้องใช้ธงของคณะกรรมการโอลิมปิกของตัวเอง จนกว่าจะมีการยกเลิกโทษดังกล่าว
ทางด้านก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังเร่งแก้ไขกฎหมาย เพราะบางข้อไม่สอดคล้องกับกฎของ WADA ที่น่าเป็นห่วงคือระบบการแก้ไขกฎหมายของไทยต้องใช้เวลา แต่เรื่องอยู่ที่สำนักกฤษฎีกาแล้ว เบื้องต้น อาจจะต้องออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อให้เร็วและสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ก่อน
สำหรับมหกรรมกีฬาที่ไทยจะแข่งขันในระยะเวลา 1 ปีหลังจากนี้ ได้แก่
- กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์
- กีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ที่ประเทศไทย (ยังไม่กำหนดวันเวลาแน่นอน)
- กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ในเดือนพฤษภาคม ที่ประเทศเวียดนาม
- กีฬาเวิลด์เกมส์ ที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 7-22 กรกฎาคม
- กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหังโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน
ด้านนายพฤฒิพล ประชุมผล ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ธงชาติไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับธงชาติไทย ได้ให้ความเห็นว่า หากทาง WADA ไม่ให้ใช้ธงชาติไทย ที่เป็น “ธงไตรรงค์” อาจใช้เป็น “ธงราชนาวี” ทดแทนได้ เนื่องจากมีสถานะเทียบเท่าธงชาติเช่นกัน แต่จะเกิดข้อครหากับสังคมเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อ้างอิง : https://www.wada-ama.org