
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT.) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2565 เบื้องต้นต้นทุนได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามที่สำนักงาน กกพ. คาดการณ์ คาดว่าค่าไฟรอบใหม่หรือรอบปลายปีจะปรับขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟขึ้นเป็น 4.40 บาท/หน่วย
เนื่องด้วยสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้ามาผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณกว่า 40% จากเดิมคาดว่าจะใช้ LNG ประมาณ 30% หลังต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล ปรับสูงขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยลดลง ประกอบกับการรับก๊าซจากเมียนมามีแนวโน้มลดลง อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมประมาณการอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับการบริหารจัดการในระยะสั้นนั้น กกพ.ได้เร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนค่าไฟฟ้าแพง โดยบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าป้อนเข้าระบบ ด้วยการยืดเวลาการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จากเดิมมีกำหนดในปี 2564 ออกไปเป็นปี 2565 แทน เพื่อลดการนำเข้า LNG ในที่มีราคาแพงเข้ามาผลิตไฟฟ้า
รวมถึงการออกประกาศการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) แล้ว ประมาณ 30 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกราว 60 เมกะวัตต์ รวมปริมาณ 100 เมกะวัตต์ ที่จะเข้ามาผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม ตลอดจนการนำเข้า LNG เข้ามาทดแทนกำลังการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยที่ลดลง เบื้องต้นประเมินว่า จะมีปริมาณ 8 ล้านตัน และมีแนวโน้มที่จะนำเข้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเร่งก่อสร้างคลังรับ-จ่าย LNG แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) ให้เสร็จเร็วขึ้น จากเดิมจะเสร็จปลายปีนี้ เพื่อรองรับการนำเข้า LNG #ขึ้นค่าไฟ #ค่าFT #ไฟฟ้า